เมื่อไม่นานมานี้ เว็บไซต์ IT Home ของประเทศจีน เปิดเผยว่า Wang Chuanfu มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า BYD ได้กล่าวในงานสัมมนา ESG Global Leaders Conference 2023 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 - 15 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีใจความตอนหนึ่งระบุว่า หากโลกของเรายังคงเดินหน้าใช้พลังงานด้วยอัตราการบริโภคเทียบเท่ากับปัจจุบัน จะมีปริมาณน้ำมันคงเหลือให้ใช้ต่อเนื่องได้อีกเพียง 50 ปีเท่านั้น ขณะที่ถ่านหินซึ่งเป็นแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าและความร้อนที่สำคัญจะคงเหลือให้ใช้ได้อีกเพียง 200 ปี
Wang Chuanfu ยังระบุด้วยว่านับตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรมเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 260 ปีที่แล้ว พลังงานฟอสซิลมีส่วนสำคัญอย่างมากในการส่งเสริมความก้าวหน้าในด้านอารยธรรมของมนุษย์ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงมากเช่นกัน เนื่องจากปัจจุบันมนุษย์ได้ใช้พลังงานฟอสซิลไปกว่าครึ่งหนึ่งของที่มีอยู่บนโลกนี้แล้ว
หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ Zhao Changjiang ผู้จัดการทั่วไปของ Denza Sales Division (หรือแบรนด์รถยนต์ Denza ซึ่งเป็นแบรนด์ลูกของ BYD ในปัจจุบัน) เคยกล่าวเมื่อปี 2004 หรือเกือบ 20 ปีที่แล้ว สมัยที่มีการเผยโฉมรถต้นแบบรถยนต์ไฟฟ้าชื่อว่า ET ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ In-wheel และแบตเตอรี่ที่มีระยะทางขับขี่สูงสุด 350 กม. โดยระบุว่า [รถคันนี้] ถือเป็นรุ่งอรุณแห่งรถยนต์ไฟฟ้าที่จะถูกต่อยอดเพื่อวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในอนาคต
ปัจจุบัน BYD ถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และยังเป็นผู้คิดค้นแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าแบบ Blade Battery ที่มีความปลอดภัยสูง มีขนาดกะทัดรัด และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน โดยปัจจุบัน BYD ได้ขยายตลาดมายังประเทศไทยด้วยรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 2 รุ่น คือ ATTO 3 และ Dolphin รวมถึงมีแผนเปิดตัว BYD Seal ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ด้วย
ข้อมูลsanook